น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท มี “สภาพคล่องยิ่งยวด” (super liquidity) ช่วยเติมความชุ่มฉ่ำให้กับเซลล์ร่างกายคุณได้มากกว่าน้ำธรรมดาถึง 3 เท่า นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมอาหาร และขับของเสียออกจากเซลล์ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย! [1]

เนื่องจากร่างกายมนุษย์ มีน้ำเป็นส่วนประกอบที่สูงถึงร้อยละ 75 การรักษาระดับ “ความชุ่มชื่นของน้ำ” ภายในเซลล์ (ICW) จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก การเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับเซลล์ จะถูกชี้วัดโดยบริมาณน้ำที่อยู่ภายในเซลล์ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญมากในการให้พลังชีวิต และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานทางสรีรวิทยาอย่างเหมาะสม [2]
ภาพแสดงปริมาณน้ำภายในเซลล์ (ICW) และปริมาณน้ำภายนอกเซลล์ (ECW)
“น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท สามารถซึมผ่านเข้าสู่เซลล์ได้เร็วกว่าน้ำธรรมดาถึง 3 เท่า ทำให้เซลล์นำไปใช้ประโยชน์ได้เร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
< Smirnov, I. “Activated Water,” Explore Magazine. 2002;(11).2. >
ภาพจำลองเปรียบเทียบการเดินทางของน้ำเข้าสู่เซลล์ระหว่างน้ำธรรมดา กับน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท

น้ำดื่มในท้องตลาดส่วนใหญ่ ไม่สามารถซึมผ่านเข้าสู่เซลล์ร่างกายได้โดยง่าย เนื่องจากร่างกายต้องใช้พลังงานในระบบสรีรวิทยามาเผาผลาญ (เพื่อปรับโครงสร้างน้ำ) ก่อนที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการทำหน้าที่อย่างอื่น [3]

“น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า สามารถเดินทางเข้าสู่เซลล์จากภายนอก (ภาวะที่มีน้ำนอกเซลล์มากกว่าปกติ โดยจะพบบ่อยเมื่อมีการอักเสบ หรือเนื้อเยื่อบวมน้ำ) เข้าสู่ภายในเซลล์ โดยจะใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาที (เปรียบเทียบกับน้ำธรรมดา เมื่อเวลาผ่านไป 40 นาที ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆ) จึงช่วยเพิ่มพลังงาน และปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ของเซลล์ให้ดียิ่งขึ้น” [4]

“น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท มีประสิทธิภาพในการลดการเกาะกลุ่มซ้อนกันของเม็ดเลือดแดงได้อย่างมีนัยสำคัญ จึงช่วยปรับปรุงการหมุนเวียนของโลหิตให้สามารถไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ของร่างกายได้อย่างทั่วถึง”
< Vysotskii V I, Smirnov I V, Komilova A A. Introduction to the Biophysics of Activated Water. Universal Publishers. Boca Raton, FLA. 2005. >

น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีฤทธิ์ยิ่งยวด ในการ “เติมความชุ่มชื่น” (hydrate) ให้แก่เซลล์ อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการลดการเกาะกลุ่มซ้อนกันของเม็ดเลือดแดงได้อย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นคุณสมบัติที่ทำให้น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท เป็นหนึ่งในสารชะลอวัยที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในโลก” [5,6,7]

เลือดจะไม่สามารถเดินทางไปเลี้ยงเซลล์อวัยวะปลายทางได้ หากเม็ดเลือดแดงอยู่ในลักษณะเกาะกลุ่มซ้อนกันเป็นกอง ที่เรียกว่า Rouleau (อ่านว่า รูโล) เนื่องจากการเรียงตัวของเลือดดังกล่าว จะขัดขวางไม่ให้มันเคลื่อนตัวผ่านเส้นเลือดฝอยที่มีขนาดเล็กมากได้ จึงมักจะตามมาด้วยการอ่อนแรง หายใจไม่เต็มอิ่ม ตลอดจนการไหลเวียนโลหิตไม่สะดวก จนอาจถึงขั้นมีอาการปลายมือปลายเท้าเย็นเกิดขึ้นได้

การวิเคราะห์เซลล์เม็ดเลือดแดงมีชีวิต ในภาวะควบคุม ก่อนการดื่มน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท

ในภาพที่ 1 มีการศึกษาตัวอย่างเลือดที่เจาะจากปลายนิ้ว ก่อนดื่มน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท จะสังเกตเห็นว่า เซลล์เม็ดเลือดแดงจะเกาะกลุ่มซ้อนกันหนาแน่น แบบที่เรียกว่า Rouleau formation [8]

การวิเคราะห์เซลล์เม็ดเลือดแดงมีชีวิต ภายหลังจากการดื่มน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท แล้ว 20 นาที

ในภาพที่ 2 หลังจากดื่มน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท ไปแล้ว 20 นาที จะสังเกตเห็นว่า ลักษณะเซลล์เม็ดเลือดแดงได้กระจายตัวออกมาอยู่เดี่ยวๆ และการเกาะกลุ่มซ้อนกันเริ่มหมดไป ซึ่งเป็นลักษณะเซลล์เม็ดเลือดที่พร้อมจะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท เป็นหนทางพิเศษในการถ่ายทอดพลังงานที่เป็นประโยชน์ให้แก่ร่างกายคุณ
และช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพนานาประการให้ดีขึ้นได้ [9]

เซลล์ทั้งหลายมีการติดต่อสื่อสารซึ่งกันและกัน
แต่สนับสนุนทฤษฎีที่ว่า “เซลล์มีการสื่อสารซึ่งกันและกันโดยผ่านสัญญานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่ต่ำมาก” นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียชื่อ อเล็กซานเดอร์ เกอร์วิช (Alexander Gurvich) เป็นผู้ค้นพบความจริงนี้ ตั้งแต่ทศวรรษ 1920 ซึ่งต่อมา ได้มีการพิสูจน์อย่างเป็นวิทยาศาสตร์โดย กิลแมน และร็อดเบลล์ (Gillman & Rodbell) สองนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ซึ่งผลงานนี้ทำให้ท่านทั้งสองได้รับรางวัลโนเบลในปี 199410


คลื่นความถี่ตามธรรมชาติของโลก ส่งผลดีต่อสุขภาพ!

ในปี ค.ศ. 1954 ชูมานน์ และ โคนิก (Schumann and Koenig) สองนักวิทยาศาสตร์ ได้รายงานการค้นพบ ของพวกเขา เกี่ยวกับพลังแม่เหล็กไฟฟ้าตามธรรมชาติของโลก ที่ถูกปล่อยออกมาเป็นจังหวะ รูปแบบความถี่พื้นฐานที่ชูมานน์นำเสนอนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็น “ความถี่ที่ดีต่อสุขภาพ” (tonic healthy frequency) ซึ่งมีค่าเท่ากับ 7.83 Hz. (เฮิร์ทซ)12

ดังนั้น เมื่อเราอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแวดล้อม เราสามารถจะรับรู้ได้ถึง “คลื่นความถี่ที่ดีต่อสุขภาพ” ซึ่งทำให้เกิดความรู้สึกแสนสบายและสงบสุขเป็นที่สุด


คลื่นความถี่ที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ อันตรายต่อสุขภาพ!

ในยุคสังคมอุตสาหกรรมยุคปัจจุบัน ได้ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปมาก และนำพาให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวล ต้องเผชิญกับคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความถี่สูงๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆซึ่งผลิตจากเทคโนโลยีขึ้นสูงโดยฝีมือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์มือถือ เตาไมโครเวฟ โทรศัพท์ไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตลอดจนสัญญานจากดาวเทียมและเรดาร์ต่างๆ เป็นต้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคลื่นความถี่ที่อันตรายต่อสุขภาพทั้งนั้น ตลอดจนการใช้ชีวิตในที่ทำงาน และการพักอาศัยอยู่ในอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กต่างๆ การใช้รถยนต์ บนถนนราดยาง ฯลฯ ทำให้ร่างกายของเราถูกขัดขวาง ไม่มีโอกาสได้สัมผัสกับคลื่นความถี่ต่ำตามธรรมชาติ จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายเราอย่างมาก ทำให้เราเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายขึ้น เยื่อหุ้มเซลล์เสียความแข็งแรง ภูมิต้านทานโรคลดต่ำลง และมีสภาพจิตใจหดหู่13

น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท จะส่งผ่านข้อมูล (คลื่นความถี่ต่ำ) ที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งมีค่าใกล้เคียงกับที่พบในพื้นที่บางแห่งตามธรรมชาติบนโลก ถ่ายทอดไปยังโมเลกุลของน้ำที่อยู่ภายในระบบชีวภาพของเซลล์ร่างกายคุณ!

น้ำจากแหล่งธรรมชาติ ได้รับการพิสูจน์มาแล้วหลายชั่วคนว่า มีส่วนส่งเสริมสุขภาพ ช่วยชะลอการเข้าสู่วัยชรา มีอายุยืนยาว ช่วยกำจัดโลหะหนัก สารพิษ และสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ในสิ่งมีชีวิตอีกด้วย [10]

หลักการพื้นฐานของเทคโนโลยีเอ็มเร็ท คือให้น้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท เป็นสื่อกลางในการส่งผ่านข้อมูลคลื่นความถี่ต่ำที่ดีต่อสุขภาพที่ถูกบันทึกไว้ในโมเลกุลของน้ำไปยังระบบเซลล์สิ่งมีชีวิต [14] จึงช่วยปรับคลื่นความถี่ที่เหมาะสมให้กับร่างกาย (7.2-7.8 Hz) และเพิ่มศักยภาพการส่งสัญญาณระหว่างเซลล์


คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ของน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ท

- ช่วยขับสารพิษ อาทิเช่น สารเคมี สารก่อภูมิแพ้ ออกจากเซลล์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยทำให้สารพิษตกค้างในเซลล์ในช่วงเวลาที่สั้นลง

- น้ำปรับโมเลกุลช่วยต้านอนุมูลอิสระ และป้องกันการทำร้ายจากอนุมูลอิสระ

- ปรับค่าความเป็นกรด-ด่างของร่างกายให้เหมาะสม

- ลดอาการอักเสบ

- เพิ่มภูมิต้านทานร่างกาย ในการต้านเชื่อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อไวรัส

- เพิ่มภูมิต้านทานในกำจัดเซลล์กลายพันธุ์ (มะเร็ง)

"หากจะกล่าวถึงน้ำปรับโมเลกุลเอ็มเร็ทแล้ว อาจไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เปรียบเหมือนแนวทางในการรักษาสุขภาพแบบองค์รวมโดยใช้หลักการธรรมชาติบำบัด เสมือนเป็นหนทางพิเศษในการถ่ายทอดพลังงานที่เป็นประโยชน์ให้แก่ร่างกายคุณ และช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพนานาประการให้ดีขึ้นได้ [15]"

เอกสารอ้างอิง

1เอกสารอ้างอิง >>

1 Fisher H W, Smirnov I V. Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effects on Human Physiology. Britannia Press. Toronto. 2008; p.31

2 Häussinger D. The role of cellular hydration in the regulation of cell function. Biochem J. 1996; 313:p.607-710.

3 Fisher H W, Smirnov I V. Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effects on Human Physiology. Britannia Press. Toronto. 2008; p.30

4 Smirnov, I. “Activated Water,” Explore Magazine. 2002;(11).2.

5 Vysotskii V I, Smirnov I V, Komilova A A. Introduction to the Biophysics of Activated Water. Universal Publishers. Boca Raton, FLA. 2005.

6 Fisher H W, Smirnov I V. Molecular Resonance Effect Technology: The Dynamic Effects on Human Physiology. Brittannia Press. Toronto. 2008;p.8.

7 Smirnov, I. “Activated Water,” Explore Magazine. 2002;(11).2.

8 Coyle M. Advanced Applied Microscopy for Nutritional Evaluation and Correction. Petaluma, CA. Elbow Room Publishing. 2000.

9 Smirnov I V, Natural Synergistic Hormonelike Compounds, Explore! Volume 11, Number 4, 2002

10 Smirnov, I.V. (2002) “Activated Water” Explore, Vol.11, No.2: 49-53, USA

11 V ysotskii V I, Smirnov I V, Kornilova A A. Introduction to the Biophysics of Activated Water. Universal Publishers. Boca Raton, FLA. 2005:p.152

12 http://en.wikipedia.org/wiki/Schumann_resonances

13 http://www.pemf.com/en/schumann-waves.html

14 V ysotskii V I, Smirnov I V, Kornilova A A. Introduction to the Biophysics of Activated Water. Universal Publishers. Boca Raton, FLA. 2005:p.151.

15 Smirnov I V, Natural Synergistic Hormonelike Compounds, Explore! Volume 11, Number 4,2002